การเพิ่มผลผลิต Productivity
มีแนวคิด
2 ประการ ที่อธิบายความหมายของคำว่า "การเพิ่มผลผลิต"
ได้อย่างชัดเจน คือ
1.
แนวคิดในเชิงเทคนิค (Technical Concept) การเพิ่มผลผลิตคือการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
2.
แนวคิดด้านปรัชญาเหนือสิ่งอื่นใด การเพิ่มผลผลิตคือจิตสำนึก
หรือเจตคติที่จะแสวงหาทางปรับปรุงและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นเสมอ
ด้วยความเชื่อมั่นว่า สามารถทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้
และพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้
เป็นความเพียรพยายามอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่จะปรับเปลี่ยนงานหรือกิจกรรมที่ทำให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยการใช้เทคนิควิธีการใหม่ๆ
1.
ทรัพยากรจำกัด
การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและนับวันจะน้อยลงให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสูญเสียน้อยที่สุด
2.
การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องช่วยในการวางแผนทั้งในปัจจุบันในอนาคต
เช่น การกำหนดผลิตผลในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อไม่ให้เกิดส่วนเกิน
ซึ่งถือเป็นความสูญเปล่าของทรัพยากร
3.
การแข่งขันสูงขึ้น บริษัทต่างๆ
จะอยู่รอดได้ต้องมีการปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ
การเพิ่มผลผลิตก็เป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพ ลดต้นทุน
ทำให้เราสู้กับคู่แข่งขันได้
การเพิ่มผลผลิตเป็นความรับผิดชอบของใคร
ทุกคนตระหนักถึงความจำเป็น
และความสำคัญในการเพิ่มผลผลิต แต่ต่างก็สงสัยว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้
การเพิ่มผลผลิตเป็นความรับผิดชอบของทุกคน
ในแง่ของบริษัทหรือโรงงาน
ผู้บริหารต้องมีความเข้าใจในเรื่องการเพิ่มผลผลิตและให้การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายพนักงานต้องให้ความร่วมมือโดยการทำงานอย่างเต็มความสามารถและเพิ่มทักษะการทำงานให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ การเพิ่มผลผลิตยังต้องอาศัยความร่วมมือจากนักเรียน
นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ในการร่วมกันปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตในทุกสถานที่
ทั้งที่ทำงาน โรงเรียน บ้าน และชุมชน ด้วยการทำสิ่งต่างๆ อย่างถูกต้อง
โดยใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ซึ่งส่งผลให้การเพิ่มผลผลิตโดยรวมของประเทศเพิ่มสูงขึ้น
อันจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนในประเทศ
ซึ่งก็คือเป้าหมายสำคัญสูงสุดของการเพิ่มผลผลิต
องค์ประกอบของการเพิ่มผลผลิต
การปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต
เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนนั้น องค์การนั้นๆ
จำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบทั้ง 7 ดังนี้คือ
1.
Quality คุณภาพ หมายถึง การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
2.
Cost ต้นทุน หมายถึง
การลดต้นทุนที่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน
3.
Delivery การส่งมอบ หมายถึง การส่งมอบสินค้าหรือบริการที่ถูกต้อง
ถูกเวลา และถูกสถานที่
4.
Safety ความปลอดภัย หมายถึง
การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายกับพนักงาน
ซึ่งส่งผลให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติงาน
5.
Morale ขวัญกำลังใจในการทำงาน หมายถึง การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ให้เอื้อต่อการทำงานของพนักงานที่จะปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ
6.
Environment สิ่งแวดล้อม หมายถึง
การดำเนินธุรกิจโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และ ชุมชน
7.
Ethics จรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ หมายถึง
การดำเนินธุรกิจโดยไม่เอาเปรียบทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือ ลูกค้า
ผู้จัดหาสินค้าพนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่แข่ง ภาครัฐ สังคม และสิ่งแวดล้อม
เทคนิคและเครื่องมือเพื่อการปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตในองค์การ
เทคนิคพื้นฐาน
1.
กิจกรรมเพื่อความปลอดภัย คือ
กิจกรรมเสริมสร้างความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานให้กับพนักงาน
2.
กิจกรรม 5ส คือ
กิจกรรมเพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสถานที่ทำงาน
3.
วงจร PDCA คือ
วงจรเพื่อการบริหารและการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
4.
กิจกรรมข้อเสนอแนะ คือ
กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดใหม่ๆ
ซึ่งสามารถปฏิบัติได้และเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงงานที่ปฏิบัติอยู่แล้วให้ดีขึ้น
5.
กิจกรรมกลุ่มย่อย คือ
กิจกรรมเพื่อการแก้ปัญหาและปรับปรุงงานอย่างเป็นระบบ โดยการร่วมกลุ่มของผู้ปฏิบัติงานจำนวน
3-10 คน
เทคนิคขั้นสูง
1.
การบริหารคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management : TQM) คือ ระบบการบริหารงานที่เน้นคุณภาพ โดยมุ่งความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ
2.
การบำรุงรักษาทวีผลแบบทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive
Maintenance : TPM) คือ ระบบการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่เน้นให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาเครื่องจักรด้วยตนเอง
เพื่อให้เครื่องจักรมีประสิทธิภาพสูงสุดและคงอายุการใช้งานนานที่สุด
3.
การผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just In Time : JIT) คือ
ระบบการผลิตที่มุ่งเน้นการผลิตเฉพาะชิ้นส่วนที่จำเป็น ในเวลาที่จำเป็น
เมื่อเวลาที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อมุ่งขจัดความสูญเปล่าต่างๆ
ความหมายของการเพิ่มผลผลิต
การเพิ่มผลผลิต
(Productivity) ได้มีผู้ให้ความหลากหลายแตกต่างกันไป เช่น
การปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต
การเพิ่มปริมาณผลผลิต เป็นต้น
ซึ่งความหมายการเพิ่มผลผลิตสามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวคิด
คือ
1. การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
หมายถึงอัตราส่วนระหว่างปัจจัยการผลิตที่ใช้ไป (Input) (แรงงาน เครื่องมือ
วัตถุดิบ เครื่องจักร พลังงาน
และอื่น ๆ ) กับผลผลิตที่ได้จากกระบวนการผลิต (Output) (ตู้เย็น รถยนต์
การขนส่ง) สามารถคำนวณได้จาก
การเพิ่มผลผลิต (Productivity) = ผลผลิต (Output)
ปัจจัยการผลิต (Input)
ซึ่งทำได้ทั้งการวัดเป็นจำนวนชิ้น น้ำหนัก
เวลา ความยาว และการวัดตามมูลค่าในรูปของตัวเงิน
2. การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางเศรษฐกิจและสังคม หมายถึงการที่จะหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โดยมีความเชื่อว่าเราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ
ในวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้และวันพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ ซึ่งเป็นความสำนึกในจิตใจ (Consciousness of
Mind) เป็นความสามารถหรือพลังความก้าวหน้าของมนุษย์ที่จะแสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง
ๆ ให้ดีขึ้นเสมอ ทั้งเรื่องของการประหยัดทรัพยากร พลังงาน
และเงินตรา
ที่ต้องร่วมมือปรับปรุงเร่งรัดการเพิ่มผลผลิตในทุกระดับ
เพื่อหาความเจริญมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยโดยรวม
แนวความคิดในการเพิ่มผลผลิต
แนวคิดทางวิทยาศาสตร์
การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คือ
การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในการ ผลิตอยางคุมคา เกิดประโยชนสูงสุด
ซึ่งการเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดนี้อาจใชวิธีการลดตนทุน ลดการสูญเสีย
ปรับปรุงกระบวนการผลิต และมุงเน้นการทำงานอยางมีประสิทธิภาพ
แนวคิดทางเศรษฐกิจและสังคม
การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางเศรษฐกิจและสังคม
เป็นทัศนคติในจิตใจของคน ที่จะแสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
บนพื้นฐานของความเชื่อในความก้าวหน้าและความสามารถของมนุษย์ว่าเราสามารถทําวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานและพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้
แนวคิดเรื่องการเพิ่มผลผลิตนั้น เริ่มต้นจากการที่ Frederick W.
Taylor เฟรดเดอริค ดับบลิว เทเลอร์
ได้นำแนวคิดตามหลักวิทยาศาสตร์มาใช้ในการบริหารช่วงปี ค.ศ. 1911 โดยเริ่มศึกษาและหาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต
อันเนื่องมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการจัดการที่ยังมีข้อบกพร่องทั้งในด้านความรับผิดชอบของพนักงาน
มาตรฐานการปฏิบัติงาน
นโยบายของผู้บริหารซึ่งอยู่ในสภาวการณ์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน
พนังงานอาจได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่ตนเองไม่มีความรู้ หรือขาดความถนัด
ขาดทักษะในการทำงานสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้การผลิตตกต่ำลงได้ทั้งสิ้น
เทเลอร์สนใจการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ไม่เพียงแต่ลดต้นทุนและเพิ่มกำไรเท่านั้นแต่ยังเพิ่มค่าตอบแทนสำหรับแรงงานโดยผ่านการเพิ่มผลผลิต
เนื่องจากความกลัวของคนงานที่ว่าพวกเขาอาจจะต้องออกจากงาน จากการผลิตที่น้อยลงแทนที่จะมากขึ้น
เทเลอร์คิดว่าปัญหาของการผลิตเนื่องมาจากฝายการจัดการและฝ่ายแรงงาน
ผู้บริหารและคนงาน มุ่งส่วนที่เป็นส่วนเกินที่ได้จากผลผลิต
ซึ่งเกี่ยวข้องระหว่างค่าจ้างและกำไร
เทเลอร์พิจารณาการเพิ่มผลผลิตโดยปราศจากการใช้แรงงานและแรงจูงใจของคนเพิ่มขึ้น
หลักการดังกล่าวถูกนำเข้าสู่ภาคปฏิบัติโดยพิจารณาปริมาณงานต่อวัน
การค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
การศึกษาเวลาและการเคลื่อนไหวในการทำงานได้นำมาใช้อย่างมาก
แผนการจ่ายเงินขึ้นอยู่กับผลผลิตที่ใช้โดยพยายามเพิ่มส่วนเกิน ซึ่งเทเลอร์เรียกว่า
การเพิ่มผลผลิต (Productivity)
เพื่อให้แน่ใจว่าคนงานที่ทำการผลิตได้รับค่าจ้างขึ้นอยู่กับผลผลิตของเขา
ทำให้เกิดสิ่งจูงใจแก่คนงานในการทำงาน เกิดการปรับปรุงการผลิต
และการให้ผลตอบแทนตามผลผลิต เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย
หลักการของเทเลอร์ (Taylor ‘ s
Principles)
1.
ใช้หลักวิทยาศาสตร์ความรู้ด้านการจัดองค์การแทนกฎการนับ (Rules
of Thumb)
2.
การยอมรับความกลมกลืนในกิจกรรมกลุ่มมากกว่าการไม่ปรองดองกัน
3.
มุ่งสู่ความร่วมมือมากกว่าความไม่มีระเบียบของบุคคล
4.
การทำงานเพื่อผลผลิตสูงสุดมากกว่าผลผลิตในวงจำกัด
5.
พัฒนาคนงานทุกคนให้ใช้ความสามารถสูงสุด
และสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัท
การจัดการตามแนวคิดของเทเลอร์นี้
องค์การจะต้องทำการศึกษาส่วนต่างๆ อย่างละเอียดจึงพัฒนาให้ได้มาซึ่งวิธีการทำงานที่ดี
และเหมาะสมสำหรับการทำงานกาคัดพนักงานและการฝึกพนักงานให้ทำงานได้
ฝ่ายบริหารจะต้องประสานงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้วยความสมัครใจ
การปฏิบัติงานตามวิธีการทำงานที่ผ่านการทดลองและตรวจสอบแล้วว่าเป็นการวิธีการทำงานที่ดีที่สุด
ฝ่ายบริหารและฝ่ายพนักงานจะต้องแบ่งแยกความรับผิดชอบ
ตามที่ฝ่ายบริหารได้วางแผนและกำหนดไว้
พนักงานแต่ละคนจะต้องทำงานได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องบังคับ
ฝ่ายบริหารจะได้รับประโยชน์จากการที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น
จากการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของพนักงาน
ฝ่ายพนักงานจะได้ค่าตอบแทนจากการทำงานในอัตราสูงขึ้น
การนำหลักวิทยาศาสตร์มาใช้ในการบริหารงาน ทำให้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากสามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานได้ในทุกขั้นตอน
และมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพนักงาน
ฝ่ายบริหารจะต้องให้ความสำคัญในการที่ผลักดันให้เกิดผลผลิตบนพื้นฐานความร่วมมือจากกลุ่มคนฝ่ายต่างๆตั้งแต่นายจ้าง
ลูกจ้าง และประชาชนทั่วไป
เนื่องจากการเพิ่มผลผลิตนั้นก่อให้เกิดผลผลิตในกลุ่มคนทั่วไป
การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการผลักดันให้เกิดผลผลิต
ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของการเพิ่มผลผลิต
เหตุผลของการเพิ่มผลผลิต
การเพิ่มผลผลิต
เป็นเครื่องมือช่วยในการวางแผนการผลิตในอนาคต เช่น การกําหนด ผลิตผลในสัดส่วนที่
เหมาะสมกับความต้องการ ไม่ก่อให้เกิดส่วนเกินอันเป็นการเสียทรัพยากร
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกิดการเพิ่มผลผลิตที่สูงขึ้น
ทําใหหต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง สามารถสู้กับคู่แข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศได้
การปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตไม่ใช้เป้าหมายในตัวของมันเองแต่เป็นวิถีทางที่จะนําไปสู่
เป้าหมาย นั่นก็คือ การยกระดับมาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนคน
ในชาติในยามเศรษฐกิจดี การเพิ่มผลผลิตจะเป็นวิถีทางที่
จะทําให้ทุกคนได้ผลตอบแทนหรือ ค่าจ้างดีขึ้น และในยามเศรษฐกิจตกต่ำ
การเพิ่มผลผลิตจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์การทั้งหลาย
อยู่รอดและสู้กับคู่แข่งได้ สามารถลดต้นทุนและรักษาระดับการจางงานไว้ได้ โดยไม่ต้องปลด
คนงานออก นั่นหมายความว่า การเพิ่มผลผลิตก่อให้เกิดความมั่นคงในชวิต
โลกของการแข่งขันในปัจจุบัน องค์การที่สามารถบริหารงานของตนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
สามารถใช้เทคโนโลยีและทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จะสามารถยืนหยัดอยู่ในจุดที่สู้กับคู่แข่งขันได้ ดังนั้นจึงมีความจําเป็นที่
เราต้องปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตอย่าง ต่อเนื่อง
ประเภทของการเพิ่มผลผลิต
ความสัมพันธ์กับลูกค้า
และความพึงพอใจของลูกค้า
·
องค์กรมีวีธีการอย่างไรในการจัดการกับข้อร้องเรียนของลูกค้า
องค์กรมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้มั่นใจว่าข้อร้องเรียนเหล่านั้นได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิผลและทันท่วงที
และองค์กรมีวิธีการอย่างไรในการรวบรวม
และวิเคราะห์ข้อร้องเรียนเพื่อใช้ในการปรับปรุงทั่วทั้งองค์กร
รวมทั้งให้คู่ค้านำไปใช้ในการปรับปรุง
การวางแผนด้านทรัพยากรบุคคล
·
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการกำหนดคุณลักษณะ
และทักษะที่จำเป็นของพนักงานที่องค์กรต้องการเพื่อให้ตอบสนองต่อแผนการเพิ่มผลผลิต
·
ระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานในองค์กร
รวมถึงการให้ข้อมูลป้อนกลับสนับสนุนการทำงานที่ให้ผลการดำเนินการที่ดีและส่งผลต่อการบรรลุแผนปฏิบัติการด้านการเพิ่มผลผลิตขององค์กรอย่างไร
และการบริหารค่าตอบแทน การยกย่องชมเชย
ตลอดจนการให้รางวัลและสิ่งจูงใจกับพนักงานที่มีผลการดำเนินการที่ดีเหล่านั้น
·
องค์กรมีวิธีการอย่างไรในการทำให้การสื่อสาร
การแบ่งปันทักษะระหว่างผู้ที่อยู่ต่างหน่วยงาน ต่างภาระงาน
และต่างสถานที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล
การวัดการเพิ่มผลผลิต
1.
การวัดการเพิ่มผลผลิตเป็นการคำนวณหาผลลัพธ์จากผลิตผลส่วนด้วยปัจจัยการผลิตแต่ต้อคำนึงด้วยว่าผลิตผลที่นำมาใช้วัดนั้นต้องมีคุณภาพด้วย
2.
การเพิ่มผลผลิตของหน่วยงานจะสูงขึ้นได้
เพราะการเพิ่มผลผลิตในระดับบุคคลและในระแผนกสูงขึ้น
3.
ประสิทธิผลหมายถึงระดับความสำเร็จของวัตถุประสงค์ เช่น
ความสามารถในการสนองความต้องการของลูกค้า
ส่วนประสิทธิภาพหมายถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
โดยไม่ให้เกิดความสูญเปล่า หรือสูญเสีย
4.
วัตถุประสงค์ระยะยาวของการวัดการเพิ่มผลผลิตคือการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ความหมายการวัดการเพิ่มผลผลิต
สาระสำคัญของการเพิ่มผลผลิตก็คือการสะท้อนภาพของความทุ่มเทพยายามของผู้ที่เกี่ยวของ
เราได้ศึกษามาแล้วว่า
การเพิ่มผลผลิตคืออัตราส่วนระหว่างผลิตผลและปัจจัยการผลิตดังนั้น
ไม่ว่าเราจะมีหน้าที่การงานอะไรก็ตาม
เราต้องสามารถแยกแยะให้ได้ว่าอะไรคือผลิตผลและอะไรคือปัจจัยการผลิต
ความสำคัญของการวัดการเพิ่มผลผลิต
ในยุคแห่งการแข่งขันการวัดการเพิ่มผลผลิตได้มีบทบาทต่อการตัดสินใจในการดำเนินงานชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการจะต้องมองถึงผลได้ผลเสียของการลงทุน
เราคงได้ยินข่าวสารเรื่องนักลงทุนต่างประเทศย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยหรือประเทศในภูมิภาคนี้เพราะได้เปรียบเรื่องค่าแรงกันอยู่เสมอสาเหตุสำคัญที่มีการย้ายฐานการผลิตก็เพราะนักลงทุนเหล่านั้นได้ทำการวัดการเพิ่มผลผลิตโดยคร่าว
ๆ แล้ว พบว่าคุ้มค่ากว่า
ยกตัวอย่างเช่น หากการผลิตรถยนต์ 1
คัน ในประเทศไทยทำให้นักลงทุนต้องจ่ายค่าแรงน้อยกว่าการผลิตในประเทศเยอรมัน
นักลงทุนย่อมที่จะเลือกมาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย
แต่ตราบใดก็ตามที่นักลงทุนพบว่าค่าแรงของประเทศอื่นถูกกว่าประเทศไทย
ก็ย่อมมองหาลู่ทางที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศนั้น
เพราะคุ้มค่ามากกว่าโดยการเปรียบเทียบผลได้ผลเสียที่คำนวณได้จากการวัดการเพิ่มผลผลิต
ดัชนีวัดผลการปฏิบัติงาน
ประสิทธิผล
ประสิทธิภาพ และการเพิ่มผลผลิต แนวคิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการวัดการเพิ่มผลผลิตก็คือแนวคิดเรื่องประสิทธิผลและประสิทธิภาพ
การผลิตที่มีประสิทธิผลก็คือการผลิตสิ่งที่ต้องการ
หากเป็นสินค้าที่จำหน่ายในท้องตลาด
ต้องเป็นสินค้าที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและสามารถจำหน่ายได้
สำหรับประสิทธิภาพก็คือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
โดยไม่ให้เกิดความสูญเปล่าหรือสูญเสีย
ต่อไปนี้เราจะได้ศึกษารายละเอียดของประสิทธิผลและประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลของการเพิ่มผลผลิต
ในการเพิ่มผลผลิตจะต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ
อย่างประกอบกัน เช่น อิทธิพลภายนอกองค์การ ขบวนการผลิต ความสามารถในการผลิต
สินค้าคงคลัง และกำลังแรงงาน ซึ่งแต่ละปัจจัยย่อย ๆ อื่น ๆ ประกอบอีก (ดูแผนภูมิประกอบ)
การเพิ่มผลผลิตจะใช้เพียงปัจจัยหนึ่งปัจจัยใดจะได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ค่อย สมบูรณ์นัก
เพราะทุกปัจจัยจะมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
แต่เราสามารถให้น้ำหนักของความสำคัญในแต่ละปัจจัยไม่เท่ากันได้แล้วแต่
สถานการณ์แวดล้อม
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้งานการเพิ่มผลผลิตประสบความสำเร็จ
1. ความเข้าใจในเป้าหมายที่ชัดเจน
รวมถึงวิสัยทัศน์การทำงาน ที่แทรกซึมเข้าไปเป็นวัฒนธรรมองค์กร และพนักงานใช้ในการทำงานร่วมกัน
2. ผลผลิตของบริษัท
ที่เป็นมากกว่า ผลของการทำงาน แต่เป็นผลผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสังคม
3. ความซื่อสัตย์และความโปร่งใสขององค์กร
ที่ใช้ในการติดต่อการสื่อสารไปยังลูกค้าเพื่อสร้างความไว้ใจ และความเชื่อถือให้เกิดตามมา
4. การวางแผนสร้างความสัมพันธ์ระะหว่างองค์กรกับลูกค้า
ให้เกิดขึ้นในระยะยาว
5. พนักงานเข้าใจถึงวิธีการทำงานเป็นทีม
และทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี
6. การมองไปในระยะยาว
ถึงการรักษาไว้ซึ่งมาตราฐานที่ดีขององค์กร
7. การที่พนักงานเข้าใจว่า
วิธีที่จะสามารถแข่งขันกับองค์กรอื่นๆ นั้นจะต้องรีดขีดพลังความสามารถของตัวเองออกมามากที่สุด และต้องปฏิบัติตามข้อตกลงขององค์กร
8. หัวหน้าและพนักงานมองอนาคตไปในทิศทางเดียวกัน
และกำลังปฏิบัติการเพื่อมุ่งไปยังอนาคตนั้น
9. องค์กรปรับปรุงกลยุทธ์ไปเรื่อยๆ
อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งความสนใจ ไปที่การพัฒนาความสามารถ
และเพิ่มประสบการณ์ให้กับพนักงาน
10. องค์กรวางโครงสร้างในการทำงานเป็นทีม
ให้เล็ก กระชับ และใช้งานได้ง่ายแต่วางเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จให้มีความยิ่งใหญ่
ขอขอบคุณ http://achinan.blogspot.com/2015/05/productivity-2-1.html
สืบค้นวันที่
29 พฤษจิกายน 2560