ความหมายขององค์การ
(Organization)
- ธงชัย
สันตวิงษ์ (2533: 257) กล่าวว่า องค์การหมายถึง รูปแบบการ
ทํางานของมนษุย์ที่มีลกัษณะการทํางานเป็นกลมุ่และมีการ ประสานงานกนัตลอดเวลา
ตลอดจนต้องมีการกําหนดทิศทาง มีการจดั ระเบียบวิธีทํางานและการตดิตามวดัผลสําเร็จของงานที่ทําอยู่เสมอด้วย
- ฟลิบเนอร์และเชอร์วูด (Pfiffner
and Sherwood, 1965) นิยามว่า องค์การเป็นกระบวนการที่มีแบบแผนซงึ่ประกอบไปด้วยบคุคลจํานวน
มากเกินกวา่ที่จะมาพบกนัได้หมด บุคคลเหล่านี้ต่างก็มาปฏิบัติงานที่มี
ความซับซ้อนและมีความสัมพันธ์กันอย่างจงใจและต่างก็มีจุดมุ่งหมายในผลสําเร็จที่ตั้งหวังไว้ร่วมกัน
- แคทซ์และแคน (Katz
and Kahn, 1966: 64) และเชสเตอร์ (Chester, 1970)
สรุปวว่าองค์การหมายถึง หน่วยงานทางสังคมที่มี บคุคลจํานวนมากมาร่วมแรงร่วมใจประสานกันทํางานหรือกิจกรรมที่มี
ความซับซ้อนอย่างมีระบบ และร่วมใจประสานกันทำงานแก้ปัญหาเพื่อให้บรรลุ ทั้งเป้าหมายส่วนบคุคลและเป้าหมายองค์การ
- พอร์ทเตอร์ ลอร์เลอร์และแฮคเคอร์ (Porter, Lawler and Hacker, 1975) องค์การ คือ หน่วยงานซึ่งมีคนจํานวนมากร่วมมือร่วมใจกันที่จะทํางานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีวตัถปุระสงค์ที่มีระเบียบแบบแผนชัดเจน แน่นอนและมีเหตผุล
- พอร์ทเตอร์ ลอร์เลอร์และแฮคเคอร์ (Porter, Lawler and Hacker, 1975) องค์การ คือ หน่วยงานซึ่งมีคนจํานวนมากร่วมมือร่วมใจกันที่จะทํางานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีวตัถปุระสงค์ที่มีระเบียบแบบแผนชัดเจน แน่นอนและมีเหตผุล
ประเภทขององค์การ
1. แบ่งตามความมุ่งหมายที่จัดขึ้น
-
องค์การเพื่อผลประโยชน์ร่วมของสมาชิก (Mutual-benefit) เช่น พรรคการเมือง สมาคม และสหกรณ์
-
องค์การเพื่อธุรกิจ (Business concern) เช่น
บริษัท ห้างร้าน และ ธนาคาร
-
องค์การเพื่อสาธารณะ (Commonweal organization) เช่น
กระทรวง ทบวง กรม กอง - องค์กรเพื่อการบริการ (Service organization) เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล
2. แบ่งตามหลักการัดระเบียบภายในองค์การ
- องค์การรูปนัย
(Formal
Organization) ซึ่งเป็นองค์การที่มีระเบียบแบบแผนมีโครงสร้างที่ชัดเจน
-
องค์การอรูปนัย (Informal Organization) คือการที่กลุ่มบุคคลมารวมตตัว
กันเป็นสังคมที่ไมม่ีระเบียบแบบแผน ไมม่ีรูปแบบเฉพาะ โครงสร้าง หลวมๆ โดยมีความสมัพันธ์ระหว่างบุคคลแบบไม่เป็นทางการโดยอาจมีความเชื่อทัศนคติค่านิยมและรสนิยมท่ีตรงกัน
นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งองค์การออกเป็น
2 แบบได้แก่ (สวุรรณี, 2547)
- องค์การแบบแนวดิ่ง (Vertical
Organization) คือ องค์การที่มีขั้นการบังคับบัญชา (Chain of
Command) ลดหลั่นกันลงมา เช่น งานทาง การทหาร และงานประเภทโรงงาน
-
องค์การแบบแนวราบ (Horizontal Organization) เป็นรูปแบบของ
องค์การท่ีเหมาะกับงานที่ต้องการการปรึกษาหารือร่วมกัน เช่น งานด้าน
วิชาการและงานวิชาชีพ
การจัดโครงสร้างองค์การ ในการทํางานในองค์การที่ต้องมีการตัดสินใจว่าจะทําอะไรบ้าง
จะรายงานเรื่องราวต่างๆ กับใคร วิธีหนึ่งของการจัดโครงสร้างองค์การ
และการสร้างสรรค์องค์การ คือ การจัดผังแสดงโครงสร้างองค์การ (Organization
Chart) ซึ่งเป็นการจัดผังที่แสดงตําแหน่งต่างๆ ทั้งหมด
ในองค์การและความสัมพันธ์ของอํานาจหน้าที่แต่ละหน่วยงาน รวมทั้ง แสดงตําแหน่งต่างๆ
ที่เชื่อมโยงกันทั้งแนวตั้งและแนวนอนอย่างมี ระบบเพื่อง่ายแก่การบริหาร
รูปแบบของโครงสร้างองค์การ
โครงสร้างองค์การเป็นแบบแผนที่กําหนดขอบเขตของงานและ
ความสมัพนัธ์ของอํานาจหน้าที่
1.
โครงสร้างองค์การระบบราชการ (Bureaucratic Structure) เป็นลกัษณะโครงสร้างองค์การซึ่งมีความซับซ้อนสูงมีความเป็นทางการสูงเป็นระบบการจัดการโดยถือเกณฑ์โครงสร้างงานที่เป็นทางการของอํานาจหน้าที่ซึ่งกําหนดไว้อย่างเคร่งครัดมีการติดตาม
การทํางานอย่างรัดกุมทําให้โครงสร้างองค์การแบบนี้บางครั้งขาดความยืดหยุ่นเพราะมีขั้นตอนมากและจะทําให้เกิดความล่าช้าในการทํางาน
2. โครงสร้างองค์การแบบมีชีวิต
(Organic
Structure) เป็น โครงสร้างองค์การที่มีความเป็นอิสระ คล่องตัว
มีกฎเกณฑ์และ ข้อบังคับเล็กน้อย มีความเป็นทางการน้อยกว่าระบบราชการ
สามารถยืดหยุ่นได้ มีการส่งเสริมการทํางานเป็นทีม และมีการ
กระจายอํานาจการตัดสินใจให้แก่พนักงานผู้ปฏิบตัติาม
3.
โครงสร้างองค์การแบบแมทริกซ์ (Matrix Structure) มีการ
พัฒนาแรกเริ่มจากการมีเป้าหมายของความสําเร็จตามโครงการ โครงสร้างของงานในโครงการมีการมอบหมายให้กับผ้ชำนาญการ
จากแผนกงานที่มีหน้าที่ไปปฏิบัติในหนึ่งโครงการหรือมากกว่าหนึ่งโครงการ
4. โครงสร้างองค์การแบบงานหลัก
(Line or Hierarchy Organization Structure) คือ แต่ละหน่วยงานมีการกําหนดการสั่งการ
และการควบคุม ผ่านสายบังคับบัญชาตามลําดับชั้นจากผู้บริหารระดับสูงไปยัง
ผู้ใต้บังคับบัญชาอันดับรองลงมาซึ่งเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยยจะรับคำสั่งคําแนะนําและรายงานต่อผู้บังคับบัญชาคนเดียว
5. โครงสร้างองค์กรแบบงานหลักและงานที่ปปรึกษา
(Line and Staff Organization Structure) การจัดโครงสร้างขององค์กรนี้จะมีหน่วยงานที่ปรึกษาเข้ามาเพื่อช่วยศึกษาค้นคว้าให้คําแนะนําให้บริการและแก้ปัญหาต่างๆ
ให้หน่วยงานหลัก หน่วยงานที่ปรึกษา
นี้จะเป็นอิสระขึ้นตรงกับผ้บูริหารในฝ่ายหรือแผนกนั้นๆ
6. การจัดองค์การตามโครงงาน
(Project Structures) คือ โครงสร้างที่เกิดขึ้นเมื่อมีโครงงานหรือปัญหาใหม่เข้ามาผู้บริหารจะตั้งทีมงานขึ้นเป็นกลุ่มเพื่อจัดการกับโครงงานดังกล่าวและเมื่อโครงการนนั้นสิ้นสุดโครงการนั้นๆจะถูกยุบลงไปด้วย
องค์การ
(Organization)
เป็นคำนิยามของการรวมตัวกันอย่างเป็นระบบ
หรือบางที่ให้คำจำกัดความว่า เป็นการจัดการที่มีการร่วมมือและประสานงานกัน ตั้งแต่
2 คนขึ้นไปเพื่อให้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์เฉพาะอย่างที่ตั้งไว้
โดยมีการใช้อำนาจการบริหารที่ชัดเจนมีการแบ่งงานและหน้าที่
มีลำดับขั้นของการบังคับบัญชาและความรับผิดชอบ
การจะทำความเข้าใจคำว่าองค์การนั้น
ถ้าดูที่การแบ่งประเภทขององค์การจะทำให้เข้าใจดีขึ้น เช่น
1. องค์การทางสังคม ครอบครัว สถาบันการศึกษาทุกระดับ
โรงเรียน มหาวิทยาลัย สถาบันศาสนา วัด
ศูนย์ปฏิบัติธรรม สถาบัน กลุ่ม ชมรม มูลนิธิ ฯลฯ
ที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจการเฉพาะอย่างแต่มุ่งประโยชน์ในระดับสังคม
2. องค์การทางราชการ ทุกระบบที่เป็นส่วนราชการ
ระดับกระทรวง ทบวง กรม
3. องค์การเอกชน เช่น
บริษัทห้างร้านที่ตั้งขึ้นมาด้วยรูปแบบต่างๆ เพื่อมุ่งหากำไรเป็นสำคัญ
ลักษณะขององค์การทางธุรกิจนั้น แบ่งได้เป็น
3.1
องค์การที่มีเจ้าของคนเดียวจัดระบบการทำงานโดยมีลูกน้องมาร่วมมือกันทำงานเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ
และในปัจจุบันธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียวแพร่หลายมากขึ้นเนื่องจากมีช่องทางการตลาดแบบออนไลน์
3.2
ห้างหุ้นส่วนสามัญ
ผู้ร่วมเป็นหุ้นส่วนในองค์การประเภทนี้จะต้องร่วมรับผิดชอบในองค์การร่วมกันในทุกเรื่องทั้งทรัพย์สินและหนี้สิน
3.3
ห้างหุ้นส่วนจำกัด องค์การธุรกิจประเภทนี้มีความต่างจากห้างหุ้นส่วนสามัญตรงที่
เฉพาะหุ้นส่วนเฉพาะบางคนเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบไม่จำกัด
ผู้ถือหุ้นนอกนั้นรับผิดชอบ “จำกัด” ตามจำนวนหุ้นที่ตัวเองถือครอง
3.4
บริษัทจำกัด เป็นองค์การทางธุรกิจ ที่จัดตั้งขึ้น แล้วแบ่งทุนเป็นหุ้น
ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินหุ้นที่ตนถือเท่านั้น
สืบค้นเมื่อวันที่ : 1 พฤศจิกายน 2560
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น